top of page

ประโยชน์ของกระเจี๊ยบแดง ไอเดียการกินการใช้เพื่อสุขภาพ และข้อควรระวัง

อัปเดตเมื่อ 22 ก.พ. 2562


พืชสมุนไพรในปัจจุบัน ถือเป็นหนึ่งสิ่งที่ผู้คนเริ่มให้ความสำคัญ เนื่องด้วยความนิยมของการดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพรเป็นที่ได้รับความสนใจพอสมควร ทำให้เกิดการศึกษาค้นหาว่ามีพืชสมุนไพรชนิดใดที่น่าสนใจบ้าง และวันนี้เราก็จะมาแนะนำพืชสมุนไพรที่หลายคนรู้จักเป็นอย่างดีนั่นก็คือ กระเจี๊ยบแดง สมุนไพรชนิดนี้มีดีอย่างไรบ้าง ไปติดตามกันได้เลย


รู้จักกระเจี๊ยบแดง

กระเจี๊ยบแดง คือพืชล้มลุก อายุสั้น ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศซูดานและแถบประทศในทวีปแอฟริกา อีกหนึ่งพืชสมุนไพรที่สามารถรับประทานได้และมีประโยชน์ต่อร่างกาย กระเจี๊ยบแดงเป็นพืชสมุนไพรจำพวกต้นเป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 50 – 180 เซนติเมตร มีสีม่วงอมแดง เป็นใบเดี่ยว คล้ายรูปฝ่ามือมี 3 แฉก หรือ 5 แฉก ขอบใบเป็นฟันเลื่อย ความกว้างและยาวประมาณ 8 – 15 เซนติเมตร ส่วนดอกนั้นออกเป็นดอกเดี่ยวตามซอกใบ กลีบดอกชมพูหรือเหลือง ก้านดอกสั้น มีประมาณ 8 – 12 กลีบ เมื่อดอกกระเจี๊ยบแดงเจริญเต็มที่จะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 เซนติเมตร และผลจะมีปลายแหลมเป็นรูปรี ยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร เมื่อผลอ่อนเป็นสีเขียว ส่วนผลแก่จะแตกออกเป็น 5 แฉก เมล็ดสีน้ำตาล ตลอดจนตัวผลจะมีกลีบเลี้ยงสีแดงหนาชุ่มน้ำหุ้มผลไว้


คุณค่าทางโภชนาการของกระเจี๊ยบแดง

ในกระเจี๊ยบแดง 100 กรัม เต็มไปด้วยสารอาหารหลายชนิด ซึ่งประกอบไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการดังนี้

พลังงาน (Total energy) 460.00 แคลอรี,

ไขมัน (Total fat)  0.30 กรัม,

คาร์โบไฮเดรต (Total carbohydrate) 9.40 กรัม,

โปรตีน(Protein) 1.40 กรัม,

เส้นใย (Crude fiber) 1.30 กรัม,

แคลเซียม (Calcium) 151.00 มิลลิกรัม,

ฟอสฟอรัส (Phosphorus) 59.00 มิลลิกรัม,

เหล็ก (Iron) 1.00 มิลลิกรัม,

วิตามิน บี1 (Vitamin B1) 0.01 มิลลิกรัม,

วิตามิน บี2 (Vitamin B2) 0.24 มิลลิกรัม,

ไนอะซีน (Niacin) (mg) 1.80 มิลลิกรัม,

วิตามิน ซี (Vitamin C) 44 มิลลิกรัม,

วิตามิน เอ (Vitamin A) 10,833.00 IU,

แอนโธไซยานิน (anthocyanin) 2.52 กรัม,

น้ำตาล (Sugars),

น้ำตาลกลูโคส (Glucose) 1.29 กรัม,

น้ำตาลฟรุกโตส (Fructose )1.12 กรัม,

น้ำตาลซูโคส (Sucrose) 0.87 กรัม,

กรดอินทรีย์ (Organic acid),

กรดซัคซินิก (Succinic acid) 0.51 กรัม,

กรดออกซาลิก (Oxalic acid) 0.43 กรัม,

กรดทาร์ทาริก (Tartaric acid) 0.17 กรัม,

กรดมาลิก (Malic acid) 0.12 กรัม,

กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic acid) 141.09 มิลลิกรัม,

แคโรทีน (carotene) 1.88 มิลลิกรัม,

ไลโคเพน (Lycopene) 164.34 มิลลิกรัม


สารสำคัญชนิดต่างๆ ที่ให้สรรพคุณเพื่อสุขภาพ

ด้วยเพราะคุณค่าทางอาหารที่มีมากมายจึงทำให้กระเจี๊ยบแดงมีสรรพคุณเพื่อสุขภาพหลายอย่าง เช่น

กรดอินทรีย์หลายชนิดที่พบ ได้แก่ กรดแอสคอร์บิก กรดซิตริก ซึ่งเป็นสารสำคัญทำให้เกิดรสเปรี้ยว มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร

กรดอินทรีย์ชนิดกรดแอสคอร์บิกหรือวิตามินซี ช่วยป้องกันเม็ดเลือดแตก ป้องกันโรคเลือดออกตามอวัยวะในร่างกาย ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน รักษาโรคโลหิตจาง และเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย

กรดแอสคอร์บิกหรือวิตามินซี ช่วยต้านอนุมูลอิสระ บำรุงเซลล์ผิว ลดการเสื่อมของเซลล์ ช่วยลดริ้วรอย และทำให้ผิวพรรณดูอ่อนกว่าวัย

กรดอินทรีย์ที่พบในดอก มีสรรพคุณต้านเชื้อแบคทีเรีย ใช้ประคบแผล รักษาแผลติดเชื้อ แผลเป็นหนอง ช่วยละลายเสมหะ ลดอาการไอ ต้านเชื้อจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร ป้องกันโรคท้องร่วง และติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร

ธาตุเหล็ก และแมกนีเซียม เป็นองค์ประกอบของสารแอนโธไซยานิน ช่วยดูดซึมวิตามินซี และวิตามินอื่นๆ ในลำไส้ ช่วยป้องกันโรคเลือดจาง เลือดออกตามอวัยวะ และกระตุ้นการเจริญพันธุ์

สารแอนโธไซยานิน เป็นสารที่ให้สีแดงหรือสีม่วงในกลีบเลี้ยงกระเจี๊ยบแดง มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงเซลล์ ไม่ให้เซลล์เสื่อมเร็ว บำรุงผิวพรรณ ป้องกันอันตรายจากสารพิษที่มีแก่เซลล์ เช่น เซลล์ตับ เป็นต้น

สารแอนโธไซยานินมีองค์ประกอบของโมเลกุลน้ำตาล เป็นสารที่ให้พลังงาน ช่วยบำรุงร่างกาย ลดอาการอ่อนเพลีย และปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

สารในกลุ่มพอลิแซคคาไรด์ (polysaccharide) ที่มีอยู่หลายชนิดออกฤทธิ์ร่วมกันลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยป้องกัน-รักษาโรคความดันโลหิต โรคไขมันในเส้นเลือด และโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือด

ประโยชน์ของกระเจี๊ยบแดง

กระเจี๊ยบแดงถือเป็นอีกหนึ่งพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นส่วนดอก ส่วนต้น หรือส่วนใบ ล้วนแล้วแต่สามารถนำมาเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับทุกคนได้

ใบกระเจี๊ยบแดง ช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น แก้ท้องอืด ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น ช่วยขับเสมหะ ขับปัสสาวะและยังสามารถนำมาต้มเพื่อชะล้างบาดแผลหรือนำมาพอกฝีได้ดีอีกด้วย

ดอกกระเจี๊ยบหรือกลีบดอก ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวและลดไข้ แก้ไอ แก้เสมหะขับน้ำดี ขับปัสสาวะ ขับนิ่วในกระเพาะปัสสาวะและในไตและแก้พยาธิตัวจี๊ด และขับเมือกมันออกจากลำไส้ลงสู่ทวารหนัก ลดไขมันคอเลสเตอรอลและช่วยแก้อาการกระหายน้ำได้เป็นอย่างดี

เมล็ด ใช้เป็นยาระบาย ช่วยขับเหงื่อ ขับน้ำดีและปัสสาวะ รักษาอาการทางเดินปัสสาวะอักเสบ และลดไขมันในเลือดได้ สำหรับหนุ่มๆ สาวๆ ที่รู้สึกไม่ฟิตปั๋ง เมล็ดกระเจี๊ยบแดงยังช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันในเลือดและบำรุงธาตุและโลหิต

ผล มีสรรพคุณช่วยบำรุงธาตุและร่างกายให้แข็งแรง ลดไขมันในเส้นเลือด รักษาแผลในกระเพาะอาหาร และนำมาคั้นดื่มเพื่อแก้กระหายได้

ไอเดียการกินการใช้กระเจี๊ยบแดงเพื่อสุขภาพ

กระเจี๊ยบแดง สามารถนำมากินและนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ซึ่งก็ล้วนดีต่อสุขภาพทั้งสิ้น โดยจะมีวิธีการนำกระเจี๊ยบแดงมากินและนำมาใช้เพื่อสุขภาพได้อย่างไรบ้าง เราก็ได้รวบรวมไอเดียต่างๆ มาแนะนำกัน จะมีไอเดียอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย

ไอเดียการกินกระเจี๊ยบแดงเพื่อสุขภาพ

สำหรับไอเดียการนำกระเจี๊ยบแดงมากินเพื่อสุขภาพ ก็มีวิธีดังต่อไปนี้

1. ทำน้ำกระเจี๊ยบแดง

วิธีการใช้กระเจี๊ยบแดงที่ง่ายและยอดนิยมมากที่สุดคือ การทำน้ำกระเจี๊ยบแดง ให้เตรียมกระเจี๊ยบแดงประมาณ 1 กำมือและพุทราจีน 1 กำมือ นำมาล้างน้ำให้สะอาดและบีบเนื้อพุทราจีนให้แตกลงไปในภาชนะ จากนั้นเติมน้ำเปล่า 2 ลิตร นำไปต้มให้เดือดสักพักแล้วยกลง ให้กรองเอาเนื้อออกให้เหลือแต่น้ำและให้ปุรงรสอย่างง่ายๆ ด้วยการเติมน้ำผึ้งเล็กน้อย เมื่อได้รสตามชอบใจแล้วก็สามารถนำมาดื่มหรือเก็บใส่ขวดแช่ไว้ในตู้เย็นได้

2. ทำแยมกระเจี๊ยบแดง

ใครที่ชอบกินขนมปังทาแยม กระเจี๊ยบแดงก็สามารถนำมาใช้ทำแยมได้เช่นกัน แถมยังมีประโยชน์มากกว่าอีกด้วย เพียงแค่นำกระเจี๊ยบแดงมาแกะเอาเมล็ดออก แล้วต้มกับน้ำจนนุ่ม กรองเอากากมาปั่นให้ละเอียด ผสมกับน้ำตาลทราย ใส่หม้อตั้งไฟ ใส่ผงวุ้นและเคี่ยวจนเหนียวเป็นวุ้น จากนั้นนำมาใส่ขวดที่เตรียมไว้ แช่ในตู้เย็น สามารถนำมาใช้เป็นแยมทาขนมปังได้ทันที

3. นำมาทำแกงส้ม

ลองมากินแกงส้มดอกกระเจี๊ยบแดงกันดูไหม ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าแกงส้มดอกกระเจี๊ยบแดงนั้นมีความอร่อยไม่แพ้กับเมนูอื่นๆ เลยทีเดียว แถมยังมากไปด้วยประโยชน์อีกด้วย โดยส่วนใหญ่จะนิยมนำมาแกงกับกุ้งนั่นเอง ดังนั้นใครที่ไม่รู้จะนำกระเจี๊ยบแดงไปทำเมนูอะไรดี ก็ลองมาทำแกงส้มกันดูสิ รับรองว่าไม่ผิดหวัง


ไอเดียการใช้กระเจี๊ยบแดงเพื่อสุขภาพ

สำหรับการนำกระเจี๊ยบแดงมาใช้เพื่อสุขภาพ ก็มีวิธีการนำมาใช้ดังต่อไปนี้

1. ใช้ล้างแผล

กระเจี๊ยบแดง มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อและลดการอักเสบ จึงสามารถนำมาใช้เพื่อล้างแผลได้ โดยให้นำใบกระเจี๊ยบแดงมาต้มน้ำ จากนั้นนำมาล้างแผล ทำเป็นประจำ ก็จะช่วยรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น และช่วยลดการอักเสบเป็นหนองของแผลได้เช่นกัน

2. นำมาทำเป็นเชือกปอ

ลำต้นของกระเจี๊ยบแดง นิยมนำมาใช้ทำเป็นเชือกปอ ตามภูมิปัญญาของชาวบ้าน ซึ่งก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย เพราะเชือกปอที่ทำจากลำต้นของกระเจี๊ยบแดงนั้น จะมีความเหนียวแน่นและคงทนพอสมควรเลยทีเดียว

3. ใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง

ด้วยคุณสมบัติที่ดีต่อผิว และสีของกระเจี๊ยบแดงที่ติดทนนาน จึงนิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางด้วย นอกจากนี้ก็มีการนำมาทำเป็นเจลอาบน้ำ ครีมขัดผิว และครีมบำรุงผิวจากกระเจี๊ยบแดงด้วยเช่นกัน ซึ่งก็จะเห็นได้ว่ากระเจี๊ยบแดงมีประโยชน์และนำมาใช้งานได้อย่างหลากหลายจนน่าทึ่งจริงๆ


ข้อควรระวัง

สำหรับข้อควรระวังในการนำกระเจี๊ยบแดงมาใช้ดื่มคือ ควรดื่มให้พอดี เพราะอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ เนื่องจากกระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์เป็นยาระบาย ยาขับปัสสาวะ และไม่ควรดื่มติดต่อกันเป็นเวลานาน หากทำได้เช่นนี้ การดื่มน้ำกระเจี๊ยบแดงก็จะช่วยเพิ่มคุณประโยชน์ที่ดีให้กับร่างกายได้อย่างแน่นอน

จะเห็นได้ว่ากระเจี๊ยบแดง เป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์อย่างมาก และสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคด้วยกันหลายส่วน เป็นพืชที่ได้รับความนิยมมาแต่ช้านานอย่างแท้จริง


การใส่ปุ๋ยบำรุง

แนะนำให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เพราะปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อหน้าดินและปลอดภัยต่อผู้บริโภค ปุ๋ยอินทรีย์ที่ดีจะต้องมีธาตุอาหารครบถ้วนจึงจะทำให้พืชพรรณ ต้นไม้เจริญงอกงามได้อย่างสมบูรณ์

ปุ๋ยอินทรีย์ไซโต ถือเป็นปุ๋ยที่ได้รับความนิยมจากเกษตรกรเป็นอย่างมาก ปุ๋ยไซโตมีคุณสมบัติและส่วนประกอบที่พืชต้องการครบถ้วน เพราะผลิตจากมูลค้างคาวที่ผ่านการตรวจสอบเรื่องธาตุอาหารที่ครบสมบูรณ์มากๆและยังมีฮอร์โมนไซโตไคนินที่เข้มข้น ปุ๋ยไซโต มีส่วนประกอบหลัก 8 อย่าง อาทิเช่น ฮอร์โมนไซโตไคนิน สารคีเลต จุลินทรีย์ มูลค้างคาว ฯลฯ ช่วยให้ต้นไม้ของคุณงอกงาม ไม้ผล ผลผลิตสูง

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ 089-9803982 , 093-4696289


ที่มา www.cyto.biz (ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยมูลค้างคาว ปุ๋ยไซโต)

#ปุ๋ยอินทรีย์ #ปุ๋ยมูลค้างคาว #ปุ๋ยไซโต

bottom of page