มูลค้างคาวเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่มีปริมาณธาตุอาหารพืชมากที่สุดเมื่อเทียบกับปุ๋ยคอกที่ได้มูลสัตว์โดยทั่วไป มูลค้างคาวนี้ได้จากการสะสมของมูลค้างคาวภายในถ้ำหินปูน ซึ่งกระจายอยู่ทั่วไปในเขตร้อนชื้น และมีฝนตกชุก เช่น หมู่เกาะนิวกินี เกาะนิวไอร์แลนด์ เกาะบอร์เนียว หมู่เกาะฟิลิปปินส์ ในประเทศไทยจะพบมูลค้างคาวในถ้ำแถบจังหวัดราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ กระบี่ พังงา กาญจนบุรี ชัยนาท ลำปาง และลำพูน เป็นต้น ปริมาณธาตุอาหารในปุ๋ยมูลค้างคาวจะแตกต่างกันออกไป ถ้ามีการชะล้างมาก จะเหลือธาตุอาหารอยู่น้อย นอกจากในมูลค้างคาวจะมีไนโตรเจน และฟอสฟอรัสในปริมาณมากแล้ว ยังมีธาตุแคลเซียม แมกนีเซียม และกำมะถันในปริมาณสูงด้วย โดยมี CaO, MgO และ SO3 ประมาณ 7.5, 0.5 และ 2.0 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ ส่วนใหญ่แล้วปุ๋ยจะมีสภาพเป็นกรด
การใช้ปุ๋ยมูลค้างคาวควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม โดยทั่วไปแนะนำให้ใส่ 100 ถึง 300 กิโลกรัม ต่อไร่ อย่างไรก็ตาม ปริมาณที่ใส่อาจมากกว่านี้ได้ ขึ้นอยู่กับราคา ความยากง่ายในการซื้อ แต่ไม่ควรใช้ในอัตราที่สูงมากเกินไป เมื่อใส่แล้วต้องพรวนดินกลบ และรดน้ำตาม อาจเสริมด้วยปุ๋ยเคมีหากใส่ในอัตราต่ำ
** เนื่องจากมูลค้างคาวเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่มีปริมาณไนโตรเจนสูง จึงไม่ควรนำไปผึ่งแดด เพราะไนโตรเจนจะระเหิดสูญเสียไปได้ ควรเก็บรักษาให้แห้ง และเก็บในที่ร่ม ควรใช้ปุ๋ยในสภาพที่แห้ง
ที่มา www.cyto.biz (ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยมูลค้างคาว ปุ๋ยไซโต)
Comments