ทุเรียน ผลไม้ยอดนิยมของไทย ถูกยกย่องให้เป็น “ราชาแห่งผลไม้ ”(king of fruit) เพราะมีลักษณะเด่นโดนใจผู้บริโภค ทั้งเนื้อสีเหลืองทอง ดูสวยงาม รสชาติหวานมัน เคี้ยวนุ่มลิ้น เคี้ยวอร่อยกินเพลินจนแทบหยุดไม่ได้ ทำให้ทุเรียนไทยเป็นสินค้าขายดี เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โกยรายได้เข้าประเทศมากกว่าปีละ 3,500 ล้านบาท โดยเฉพาะ“ หมอนทอง” เป็นทุเรียนพันธุ์ดีที่สุด เหมาะสำหรับทานผลสดและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ
สำนักงานเกษตรอำเภอแกลง จังหวัดระยอง โทร. (038) 671-379 ได้ยกย่องให้ สวนทุเรียนหมอนทองของ คุณลุงเสด ใจดี ปราชญ์ไม้ผล แห่งอำเภอแกลง จังหวัดระยอง เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องการดูแลจัดการสวนทุเรียนคุณภาพ เพราะมีลักษณะเด่นที่น่าสนใจไว้ดังนี้ 1.การเตรียมสภาพดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ ด้วยการใส่ปุ๋ยอินทรีย์พวกขี้ไก่ ปุ๋ยหมักชีวภาพและใช้ประโยชน์จากกิ่งและใบทุเรียนที่ตัดแต่งออก โดยสุมไว้ใต้ทรงต้น ปล่อยให้ผุพัง ทำให้ดินดีขึ้นแล้วก็กลายเป็นปุ๋ยทุเรียน
ปุ๋ยหมักชีวภาพทำจากวัสดุหาง่ายในพื้นที่ เช่น ใบตำลึงหรือผักบุ้ง กล้วยน้ำว้า น้ำตาลทรายแดง นำไปหมักให้สลายตัวจนได้ที่ สามารถใช้เป็นปุ๋ยทางใบ หรือทางดิน ทำให้ทุเรียนได้รับฮอร์โมนและธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์และเป็นสารไล่แมลงศัตรูทุเรียนบางชนิดได้อีกด้วย
มีการให้น้ำทุเรียนตลอดปี แต่ให้ในระดับที่เหมาะสมตามช่วงเวลา แสงแดด และฤดูกาล ช่วยให้ทุเรียนมีความแข็งแรง สามารถได้รับธาตุอาหารจากดินตลอดฤดู ช่วยในการย่อยสลายอินทรียวัตถุ และปรับสภาพแวดล้อมในดินให้เหมาะสม มีผลต่อจำนวนประชากรของไส้เดือนดินที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นประโยชน์ต่อต้นทุเรียนแบบถาวร 4. การใส่ปุ๋ยเคมีพิจารณาตามความต้องการของต้นทุเรียน โดยการสังเกตดูใบและปริมาณผลผลิตที่ตัดออกจากสวน/ต้น การใส่ปุ๋ยขี้ไก่ ปุ๋ยหมักชีวภาพ เพื่อลดต้นทุนการผลิต
การตัดแต่งผลทุเรียนเพื่อเลี้ยงไว้ในปริมาณที่พอเหมาะ เลือกขนาดของกิ่งที่ไว้ผล จำนวนผลทุเรียน/กิ่ง จำนวนผลทุเรียน/ช่อ และการเลือกตัดแต่งผลที่ไม่ต้องการทิ้งไป 6. มีการวางแผนการผลิตและบริหารจัดการสวนอย่างเป็นระบบ ตรวจสอบค่าใช้จ่าย รายรับทางระบบบัญชี และประยุกต์ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่โดยการเรียนรู้และประเมินผล 7. จุดเน้นที่พัฒนาคุณภาพผลผลิตอย่างเคร่งครัด มีความซื่อสัตย์ต่อคู่ค้า และเป็นผู้นำด้านความรู้และการปฏิบัติในชุมชนและบุคคลทั่วไป
ตัดแต่งช่อผล : เทคนิคการเพิ่มคุณภาพ
จากประสบการณ์การทำสวนทุเรียนกว่า 50 ปี ทำให้ลุงเสดได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงว่า ไม่ควรเก็บทุเรียนจนเต็มต้นเพราะจะทำให้อาหารไม่พอไปเลี้ยงผล ทำให้ผลทุเรียนมีขนาดเล็ก พูไม่เต็มและผลบิดเบี้ยว ปัจจุบันสวนแห่งนี้ เลือกที่จะตัดแต่งผลทุเรียนไว้เพียง 60-80 ผลต่อต้น เท่านั้นโดยคำนวณขนาดของต้นทุเรียนและดูจำนวนกิ่งใหญ่ที่จะเอาไว้ผลด้วย
การตัดแต่งลูกทุเรียน จะทำการตัดแต่งผล 4 ครั้ง ตามระยะการเติบโตของลูกทุเรียน ครั้งที่ 1 ระยะที่ผลทุเรียนอ่อนมีขนาดเท่ากับไข่นกกระทา จะตัดผลอ่อนที่มีหางแย้ (ส่วนที่ยื่นจากปลายผลทุเรียนอ่อนยาวประมาณ 1-2 นิ้ว ดูคล้ายปลายหางแย้) ที่โค้งบิดเข้าหาผลทิ้งไป เลือกเอาไว้เฉพาะผลทุเรียนที่มีหางแย้ตรงเท่านั้น เพื่อให้ได้ผลทุเรียนที่สมบูรณ์ พูเต็มทุกด้าน หากเลือกผลอ่อนที่หางแย้บิดเบี้ยวไว้จะได้ทุเรียนที่มีทรงผลบิดเบี้ยว บางส่วนของผลจะลีบ ไม่มีเนื้อหรือไม่เต็มพู (ทรงแป้ว) ไม่ได้คุณภาพ ขายไม่ได้ราคา
📷ครั้งที่ 2 ตัดแต่งผลหลังจากครั้งแรกประมาณ 15-20 วัน ดูว่าขนาดผลทุเรียนประมาณไข่ไก่ รูปทรงผลจะเริ่มชัดเจนขึ้นกว่าครั้งแรก ก็ยังคงเลือกตัดผลทุเรียนที่มีหางแย้บิดเบี้ยวออกทิ้งไป คำนวณว่าเอาไว้ 60-80 ลูก ต่อต้น อาจเผื่อไว้อีกนิดหน่อยก็ได้ การเลี้ยงผลจะเลือกไว้เฉพาะกับกิ่งที่ใหญ่ โดยเฉลี่ยก็ราวๆ 2-4 ผล ต่อกิ่ง เท่านั้น
ครั้งที่ 3 ตัดแต่งผลทุเรียนเมื่อมีขนาดของผลเท่ากับกระป๋องนมโดยประมาณ เลือกตัดผลทุเรียนที่ไม่สมบูรณ์ทิ้งไป ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนมากแต่จะมีหลงเหลือมาไม่มากนัก ผลทุเรียนเกือบทั้งหมดค่อนข้างสมบูรณ์ดีแล้ว ครั้งที่ 4 นั้น จะดูว่า มีผลทุเรียนที่บิดเบี้ยว ทรงไม่ได้คุณภาพหลงเหลืออีกหรือไม่ หากพบก็ตัดทิ้งไป ปกติก็จะมีสัก 1-3 ผล ต่อต้น เท่านั้น แต่หากพอรับได้ก็จะเก็บไว้ตัดขายต่อไป
ให้น้ำ ให้ปุ๋ยสม่ำเสมอ
เพื่อให้ได้ผลผลิตทุเรียนคุณภาพดี ต้องเริ่มจากเตรียมต้นแม่ให้สมบูรณ์เสียก่อนโดยให้น้ำและให้ปุ๋ยตลอดปี หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว เกษตรกรจะรีบบำรุงต้นทันที เริ่มจากตัดแต่งกิ่งที่โทรม กิ่งตายและกิ่งที่ไม่ต้องการออกก่อน เติมน้ำและให้ปุ๋ยควบคู่กันไป โดยให้ปุ๋ยขี้วัวต้นละ 10 กิโลกรัม ร่วมกับปุ๋ยสูตร 12-12-17+2 อัตราต้นละ 2 กิโลกรัม โดยหว่านปุ๋ย ห่างจากโคนต้นทุเรียนสัก 1 เมตร และให้ปุ๋ยหมักชีวภาพ (ปุ๋ยจุลินทรีย์) พร้อมกับน้ำ อัตรา 1 ลิตร ต่อน้ำ 100 ลิตร สลับกับการฉีดพ่นทางใบ เพื่อให้ต้นทุเรียนสะสมอาหารให้เพียงพอกับการออกดอกรุ่นต่อไป
ที่นี่ปุ๋ยหมักชีวภาพ ใช้เอง โดยการหมักใบตำลึงหรือผักบุ้งหั่นหรือบดละเอียด 3 กิโลกรัม กล้วยน้ำว้าสุกหั่นหรือบดละเอียด 3 กิโลกรัม น้ำตาลอ้อยหรือน้ำตาลแดง 2 กิโลกรัม นำส่วนผสมทั้งหมดผสมคลุกเคล้าให้เข้ากันดี นำไปหมักในภาชนะปิดฝา ทิ้งไว้สัก 15 วัน แล้วจึงเติมน้ำลงไปอีก 20 ลิตร คนให้เข้ากัน หมักต่อทิ้งไว้ 15-20 วัน กรองเอากากออกจะได้น้ำหมักหัวเชื้อจุลินทรีย์เข้มข้นไว้ใช้ต่อเชื้อในปริมาณที่มากขึ้น
📷วิธีการขยายเชื้อทำน้ำหมักใช้ คือใช้น้ำหมักหัวเชื้อ 10 ลิตร ผสมน้ำตาลทรายแดง 10 กิโลกรัม หมักกับน้ำ 200 ลิตร คนให้เข้ากันดี หมักในภาชนะปิดฝาอีก 1-5 เดือน ก็นำออกมาใส่หรือฉีดต้นทุเรียนได้ การใช้กับทุเรียน คือใช้น้ำหมักชีวภาพ 1 ลิตร ผสมน้ำ 100 ลิตร ไปฉีดพ่นทางใบเพื่อช่วยให้ทุเรียนได้ปุ๋ยเร็วขึ้น ส่วนอีกทางก็ให้ไปพร้อมกับการให้น้ำระบบสปริงเกลอร์ ต้นละประมาณ 80-100 ลิตร ต่อครั้ง เทคนิคคือจะให้น้ำในทรงพุ่มเท่านั้น ไม่กระจายถึงปลายทรงพุ่ม เพราะจะทำให้ทุเรียนแตกใบอ่อน ไม่สร้างดอกสร้างผล วิธีการนี้จะทำให้ทุเรียนได้รับปุ๋ยอย่างเต็มที่ ลองใช้มือปาดหน้าดินดูจะพบว่ามีรากทุเรียนเล็กๆ เส้นสีขาวแผ่กระจายเต็มไปหมดเลย นั่นแสดงว่าใช้ได้ สำหรับกิ่งและใบทุเรียนที่ตัดแต่งออกก็นำสุมไว้บริเวณใต้ต้นทุเรียน ปล่อยให้มันจะผุพังสลายตัวเป็นอินทรียวัตถุและเป็นปุ๋ยในที่สุด
สวนทุเรียน GAP ผลผลิตคุณภาพดี ขายได้กำไรสูง
สวนทุเรียนหมอนทองแห่งนี้ ให้ผลผลิตแล้วประมาณ 780 ต้น ปลูกทุเรียนกระดุมบ้างเล็กน้อย เพราะออกก่อนและแก่เร็วกว่าเพื่อน นอกจากนี้ยังปลูกมังคุดกับลองกองอีกประมาณ 200 กว่าต้น เพื่อเป็นเงินเดือนคนงานและค่าใช้จ่ายในครัวเรือน แต่รายได้หลักนั้นมาจากทุเรียนหมอนทอง รวมเป็นเงินมากกว่า 3 ล้านบาท หักค่าใช้จ่ายแล้ว ยังมีผลกำไรก้อนโต เพราะการดูแลจัดการสวนลักษณะนี้ มีต้นทุนค่อนข้างต่ำ ใช้แรงงานในครอบครัวเป็นหลัก
การปฏิบัติในสวน คุณลุงเสดเป็นคนจัดการทุกด้าน ตั้งแต่การใส่ปุ๋ย ให้น้ำ ตัดแต่งกิ่ง ดอก ผล ซึ่งะวางแผนการทำงานไว้อย่างเป็นขั้นตอนตลอดทั้งปี แล้วมอบหมายให้ลูกหลานและคนงานไปทำ คอยแนะนำ ควบคุมดูแลและลงมือทำไปด้วย ให้เป็นไปตามช่วงเวลาและกิจกรรมที่ต้องดำเนินการ จนที่สุดถึงการขายผลผลิต ในลักษณะขายทุเรียนแบบเหมายกสวน
📷เนื่องจากสวนแห่งนี้ ปลูกดูแลในลักษณะทุเรียนปลอดสารพิษ ผ่านการรับรองแปลงผลิตตามระบบ GAP จากกรมวิชาการเกษตร ทุเรียนทุกลูกมีสภาพสมบูรณ์เต็มพู เปลือกบาง เนื้อมากเมล็ดลีบ เนื้อสีเหลืองทองสวยงาม เหนียวเนียน รสชาติหวานมัน กลิ่นหอม เส้นใยในเนื้อน้อย เนื้อแห้งร่อน ไม่ติดพู แกะง่าย จับถือไม่เปื้อนมือ (ไม่ติดมือ) เก็บไว้ได้นาน สุกเนื้อไม่เละ ไม่เน่าไม่เสียง่าย ผิวสะอาดทุกลูก ปราศจากโรคและแมลงศัตรู สารปนเปื้อน จุดเด่นดังกล่าว ทำให้สินค้าทุเรียนหมอนทองของสวนแห่งนี้ ขายได้ ขายดี
Comments