top of page

เทคนิคการปลูก “มันสำปะหลัง” ให้ได้หัวที่ใหญ่และมีคุณภาพ

อัปเดตเมื่อ 21 ก.พ. 2562


มันสำปะหลังเป็นพืชหัวชนิดหนึ่งมีชื่อเรียกกันทั่วไปในภาษาอังกฤษว่า แคสซาวา (Cassava) หรือ ทาปิโอก้า (Tapioca) ประเทศแถบแอฟริกา เรียกชื่อ ภาษาฝรั่งเศส ว่า แมนิออค (Manioc) มันสำปะหลังมีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ เช่น ประเทศเปรู เม็กซิโก กัวเตมาลา ฮอนดูรัส และบราซิล ซึ่งมีการปลูกมันสำปะหลังมา 3,000 ถึง 7,000 ปีแล้ว ต่อมาได้ขยายไปสู่แหล่งอื่น ๆ ของโลก โดยชาวโปรตุเกส และสเปน นำมันสำปะหลังจากเม็กซิโก มายังฟิลิปปินส์ ประมาณ ค.ศ.17 และชาวฮอลแลนด์ นำไปยังอินโดนิเซีย ประมาณ ค.ศ. 18

มันสำปะหลังเป็นไม้พุ่มยืนต้นมีอายุอยู่ได้หลายปี การปลูกมันสำปะหลังจะใช้ส่วน ของลำต้นตัดเป็นท่อนปักไปในดิน ตรงบริเวณรอยตัดที่ปักอยู่ในดินจะแตกเป็นราก ฝอย หลังจากปลูกได้ประมาณ 2 เดือนรากจะค่อย ๆ สะสมแป้ง และมีขนาดโตขึ้น เรียกว่าหัวมันสำปะหลัง และจะสามารถเก็บเกี่ยวหัวมันสำปะหลังหลังจาก 6 เดือน ผ่านไปแล้วโดยจะยืดอายุเก็บเกี่ยวไปได้ถึง 16 เดือน โดยส่วนตาที่อยู่ด้านข้างท่อน มันจะเจริญเติบโตออกมาเป็นลำต้นต่อไป สำหรับประเทศไทยนั้น ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่า มีการ นำมันสำปะหลังเข้ามาปลูกเมื่อใด แต่คาดว่ามีการนำมัน สำปะหลังมาจากประเทศมาเลเซียเมื่อปี 2329 โดยมีชื่อ เรียกในระยะต่อมาว่า มันไม้ และมันสำโรง คำว่าสำปะหลัง นั้นภาษามาเลเซียและอินโดนีเซียเรียกว่า Ubikayu แปลว่า พืชที่มีรากขยายใหญ่ และคล้ายกับภาษาชวาตะวันตกว่า “สัมเปอ (Sampeu)”

มันสำปะหลังที่ปลูกในประเทศไทย แบ่งเป็น 2 ชนิดคือ

ชนิดหวาน (Sweet Type) เป็นมันสำปะหลังที่มีปริมาณกรด ไฮโดรไซยานิคต่ำ ไม่มีรสขมใช้เพื่อการบริโภคของมนุษย์ มีทั้งชนิดเนื้อร่วนนุ่ม และชนิดเนื้อแน่น เหนียว แต่มีจำนวนน้อยชนิดขม (Bitter Type) เป็นมันสำปะหลังที่มีกรดไฮโดรไซยานิคสูง เป็นพิษ และมีรสขม ไม่เหมาะสำหรับ การบริโภคของมนุษย์ หรือใช้หัวมันสำปะหลัง สดเลี้ยงสัตว์โดยตรง แต่จะใช้สำหรับอุตสาหกรรมแปรรูปต่าง ๆ เช่น แป้งมัน มันอัดเม็ด และแอลกอฮอล์ เป็นต้น เนื่องจากมีปริมาณแป้งสูง มันสำปะหลังที่ปลูกในประเทศ ไทยส่วนใหญ่เป็นชนิดขมสำหรับใช้ในอุตสาหกรรม

มันสำปะหลังจะให้หัวใหญ่ น้ำหนักหัวดีหรือไม่นอกจากจะอยู่ที่ลักษณะประจำพันธุ์แล้วปัจจัยหลัก ๆ ที่สำคัญก็คือ การเตรียมดินและความอุดมสมบูรณ์ของดิน หากดินดี ธาตุอาหารอุดมสมบูรณ์มันสำปะหลังจะลงหัวและชอนไชหากินไปได้ไกล สะสมแป้งและให้น้ำหนักหัวดีทำให้ได้ผลผลิตสูงขึ้นซึ่ง อ.อธิศพัฒน์ วรรณสุทธิ์ รางวัลเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี 2558 หรือปราชญ์ชาวบ้านมูลนิธิชัยพัฒนา เจ้าของไร่อธิศพัฒน์ เกษตรอินทรีย์ท่าลี่ไทยแลนด์ อ.ท่าลี่ จ.เลย มีเทคนิควิธีการดูแลมันสำปะหลังให้ได้น้ำหนักดี ไว้ดังนี้

เทคนิคการผลิตมันสำปะหลังให้ได้หัวใหญ่ น้ำหนักดี ของ อ.อธิศพัฒน์ วรรณสุทธิ์ อยู่ที่การใช้ปุ๋ยหมักสูตรอาหารจานด่วน 0.5 ลิตร + ปุ๋ยน้ำหมักปลา 0.5 ลิตร+น้ำสะอาด 500 ลิตร ฉีดพ่นใบ ลำต้นและราดรดลงดิน ในแปลงปลูกมันสำปะหลัง ทุก ๆ 15 วัน ตั้งแต่เริ่มปลูกจนกระทั่งเก็บเกี่ยว โดยปุ๋ยทั้ง 2 สูตรดังกล่าวสามารถเตรียมได้จาก


ปุ๋ยสูตรอาหารจานด่วนเตรียมได้จาก

จุลินทรีย์หน่อกล้วยสูตรขยาย 1 ลิตรฮอร์โมนไข่ 1 ลิตรนมหมัก 3 ลิตร

วิธีการทำ: นำมาหมักรวมกันใส่ภาชนะพลาสติก 14 วัน คนทุกวัน จะได้สูตรจุลินทรีย์ที่ชื่อว่า สูตรอาหารจานด่วนบำรุงข้าว

สูตรน้ำหมักปลาเตรียมได้จาก

ปลาสด 50 กก.จุลินทรีย์หน่อกล้วย 50 ลิตรรำละเอียด 10 กก.ผลมะกรูด 1 กก.กากน้ำตาล 1 กก.

วิธีการทำ: หมักรวมกันใส่ภาชนะคนบ่อย ๆ ทิ้งไว้ 28 วัน สามารถใช้ได้

นมหมัก

จุลินทรีย์หน่อกล้วย 1 ลิตรนม 10 ลิตรกากน้ำตาล(หรือน้ำตาลทรายแดง) 3 กิโลกรัมน้ำซาวข้าว(หรือน้ำมะพร้าว) 5 ลิตร

หมักไว้ 10 วัน  คนทุกวันประโยชน์ของนมหมักใช้ระเบิดดิน(ระเบิดดินหมายถึง บำรุงดินก่อนปลูกพืช)

ฮอร์โมนไข่

ไข่ไก่สด 5 กิโลกรัมกากน้ำตาล 5 กิโลกรัมยาคูลท์ 1 ขวดลูกแป้งข้าวหมาก 1 ก้อน

ผสมทุกอย่างเข้ากันรวมทั้งเปลือกไข่ด้วยเก็บไว้ที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวกจนครบ 14 วัน จึงนำไปใช้ได้

ประโยชน์ของฮอร์โมนไข่

ช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับพืชและสัตว์ช่วยเร่งการเจริญเติบโตของรากลำต้นใบและผล มีธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรองธาตุอาหารเสริมอย่างครบถ้วน

สูตรที่ 1 สูตรขยายจุลินทรีย์หน่อกล้วยมีวิธีดังนี้

ใช้จุลินทรีย์หน่อกล้วยหัวเชื้อ 1 ลิตรกากน้ำตาล 1 ลิตรน้ำ 40 ลิตรหมักไว้ได้ต่อไป

สูตรที่ 2 สูตรขยายจุลินทรีย์หน่อกล้วยซุปเปอร์มีวิธีดังนี้

ต้นกล้วยเอาเฉพาะต้นสับละเอียด 60 กิโลกรัมกากน้ำตาล 20 ลิตร+น้ำ 100 ลิตรยาคูลท์ 1 ขวด+ลูกแป้งข้าวหมาก 1 ก้อน+หัวเชื้อจุลินทรีหน่อกล้วย 1 ลิตร ผสมคลุกเคล้าทุกวัน จนครบ 7 วัน เก็บไว้ใช้ต่อไป

แนะนำปุ๋ยสูตรครบ จบทุกปัญหา

แนะนำให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เพราะปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อหน้าดินและปลอดภัยต่อผู้บริโภค ปุ๋ยอินทรีย์ที่ดีจะต้องมีธาตุอาหารครบถ้วนจึงจะทำให้พืชพรรณ ต้นไม้เจริญงอกงามได้อย่างสมบูรณ์

ปุ๋ยอินทรีย์ไซโต ถือเป็นปุ๋ยที่ได้รับความนิยมจากเกษตรกรเป็นอย่างมาก ปุ๋ยไซโตมีคุณสมบัติและส่วนประกอบที่พืชต้องการครบถ้วน เพราะผลิตจากมูลค้างคาวที่ผ่านการตรวจสอบเรื่องธาตุอาหารที่ครบสมบูรณ์มากๆและยังมีฮอร์โมนไซโตไคนินที่เข้มข้น ปุ๋ยไซโต มีส่วนประกอบหลัก 8 อย่าง อาทิเช่น ฮอร์โมนไซโตไคนิน สารคีเลต จุลินทรีย์ มูลค้างคาว ฯลฯ ช่วยให้ต้นไม้ของคุณงอกงาม ไม้ผล ผลผลิตสูง

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ 089-9803982 , 093-4696289


ที่มา www.cyto.biz (ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยมูลค้างคาว ปุ๋ยไซโต)

#ปุ๋ยอินทรีย์ #ปุ๋ยมูลค้างคาว #ปุ๋ยไซโต

Comments


bottom of page