ระยะออกดอก เดือนมกราคม ถึง กุมภาพันธ์
การให้น้ำ
ต้นมังคุดที่สะสมอาหารจนสภาพต้นสมบูรณ์ เมื่อผ่านสภาพแห้งแล้ง มาระยะหนึ่งจะทยอยออกดอก เมื่อออกดอกได้มากพอแล้ว จึงเริ่มให้น้ำได้มากขึ้น โดยเริ่มให้น้ำจากน้อยไปหามาก และให้อย่างสม่ำเสมอ
การป้องกันกำจัดโรคแมลง
เพลี้ยไฟและไรแดงเป็นศัตรูที่สำคัญในระยะการเจริญของดอกและผลอ่อน โดยการดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ดอกพัฒนาช้าแลร่วง ผลมีรอยตำหนิ ผิวกร้านหรือตกกกระ ควรฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดเป็นระยะ ดังนี้
- เพลี้ยไฟใช้คาร์โบซัลแฟนหรือโมโนโครโตฟอส
- ไรแดงใช้ไดโคโฟล
ระยะดอกทยอยบาน และติดผลเล็ก เดือนมีนาคม ถึง เมษายน
การให้น้ำ
ใกล้ดอกบานงดการให้น้ำ จนกว่าดอกบาน หลังดอกบาน 3-4 วัน ทยอยให้น้ำเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผลเจริญเติบโตดี
การใส่ปุ๋ย
หลังดอกบานและมังคุดติดผลขนาดเล็กแล้ว ควรใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 1-2 กิโลกรัม/ต้น เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของผล เมื่อมังคุดมีอายุประมาณ 1 เดือน ควรใส่ปุ๋ยบำรุงผล สูตร 12-12-17-2 หรือ 13-13-21 อัตรา 1-2 กิโลกรัม/ต้น และหมั่นสำรวจการระบาดของเพลี้ยไฟและไรแดง หากพบให้รีบควบคุม
ระยะเก็บเกี่ยว เดือนพฤษภาคม ถึง มิถุนายน
การให้น้ำ
ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดปัญหาผลแตกยางไหล และช่วยให้ผลเจริญเติบโตได้ดี
การเก็บเกี่ยว
หลังจากมังคุดติดผลประมาณ 11-12 สัปดาห์ เริ่มจะทยอยเก็บเกี่ยวได้ ต้องจัดเตรียมอุปกรณ์การเก็บเกี่ยว และแรงงานให้พร้อม
การเก็บเกี่ยวผลที่แก่พอเหมาะ คือ เมื่อผลมังคุดมีรอยประสีชมพู โดยใช้เครื่องมือเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม และเมื่อเก็บผลมังคุด ให้รีบลำเลียงไว้ในที่ร่มทำความสะอาดและคัดขนาด เพื่อรอการจำหน่าย
ระยะบำรุงต้น เดือนกรกฎาคม ถึง สิงหาคม
หลังเก็บเกี่ยวควรรีบตัดแต่งกิ่งที่ถูกโรคแมลงทำลายกิ่งแห้ง กิ่งฉีกหักเสียหาย และตัดแต่งปลายกิ่งที่ทรงพุ่มชนกัน รวมทั้งกิ่งที่บังแสงกันเอง เพื่อให้ทรงพุ่มโปร่ง แสงแดดส่องถึง และอากาศถ่ายเทได้ดี ใส่ปุ๋ยบำรุงต้น สูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 อัตรา 2-3 กิโลกรัม/ต้น พร้อมปุ๋ยอินทรีย์ประมาณ 2-3 ปี๊บ/ต้น
ระยะเจริญแตกใบอ่อน เดือนกันยายน ถึง ตุลาคม
การให้น้ำ
ในระยะฝนทิ้งช่วง ควรมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
การใส่ปุ๋ย
ใส่ปุ๋ยแร่งดอก สูตร 8-24-24 หรือ 9-24-24 อัตรา 1-2 กิโลกรัม/ต้น เพื่อให้ต้นมังคุดสร้างตาดอก
กำจัดวัชพืช
มีการกำจัดวัชพืชเป็นระยะ เพื่อให้สวนสะอาด ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการสะสมโรค และเป็นแหล่งอาศัยของแมลงศัตรูพืช
ระยะเจริญเติบโตทางใบ เดือนตุลาคม ถึง พฤศจิกายน
การป้องกันกำจัดโรคและแมลง
หมั่นสำรวจการระบาดของโรคและแมลง ถ้ามีการระบาดควรรีบกำจัด เพื่อให้ใบอ่อนเจริญเป็นใบแก่ ที่สมบูรณ์ต่อไป
โรคและแมลงที่สำคัญ ได้แก่
1. หนอนกัดกินใบและหนอนชอนใบ ให้ฉีดพ่นด้วนสารเคมีคาร์บาริล
2. โรคใบจุด ระบาดมากในสวนที่มีความชื้นสูง ต้องป้องกันตั้งแต่ระยะแตกใบอ่อน โดยฉีดพ่นสารเคมี คอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ หรือ คาร์เบนดาซิม
การจัดการอื่น ๆ เตรียมอุปกรณ์การให้น้ำ และตรวจสอบระบบน้ำที่ใช้ในสวนให้พร้อมใช้งาน และจัดทำแนวกันไฟ เพื่อป้องกันไฟไหม้สวนในหน้าแล้งที่จะถึง ระยะฟักตัวสะสมอาหาร เดือนพฤศจิกายน ถึง กันยายน การให้น้ำ ในระยะฟักตัวงดการให้น้ำ เพื่อเตรียมการให้ออกดอก แต่ถ้าสภาพอากาศร้อนจัดและแห้งแล้ง ต้องให้น้ำช่วย แต่ควรให้ในปริมาณน้อย ที่มา www.cyto.biz (ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยมูลค้างคาว ปุ๋ยไซโต)
Comments